การชักนำในกระบวนการปฏิบัติการ
(Leading the implementation
process) มีสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องกำหนดให้การปฏิบัติการตามกลยุทธ์ประสบความสำเร็จก็คือ
การสร้างกระบวนการนำการบริหารที่ดี
ผู้บริหารสามารถใช้รูปแบบของความเป็นผู้นำในหลาย ๆ รูปแบบ
ในการผลักดันกระบวนการปฏิบัติการ โดยต้องแสดงความกระตือรือร้น มีวิสัยทัศน์ แสดงบทบาทตามหน้าที่
หรือไม่แสดงบทบาทแต่คอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ผู้บริหารสามารถทำการตัดสินใจตามอำนาจหน้าที่
หรือใช้การเห็นพ้องต้องกัน (Consensus)
กระจายงานมากหรือน้อย เข้าไปมีส่วนร่วมในรายละเอียดของการปฏิบัติงาน
หรือเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ และเป็นผู้สอนงานเพื่อให้การทำงานก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หรือไตร่ตรองด้วยความสุขุมรอบคอบด้วยการดำเนินงานที่ต้องใช้เวลานาน
คุณสมบัติของผู้นำการปฏิบัติการอาจต้องพิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้
1.เป็นผู้มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับธุรกิจหรือไม่
2.เป็นผู้ใหญ่ต่องานหรือเป็นอาสาสมัครหรือไม่
3.เครือข่ายความสัมพันธ์ของเขากับบุคคลอื่นในองค์การดีหรือไม่
4.การวิเคราะห์ การบริหารงาน การติดต่อระหว่างบุคคล และความชำนาญในการแก้ปัญหาของเขาดีหรือไม่
5.เขาได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่หรือไม่
6.เข้ามีรูปแบบความเป็นผู้นำเฉพาะตัวหรือไม่
7.เขามีทัศนะอย่างไรต่อบทบาทที่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อให้งานสำเร็จ
1.เป็นผู้มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับธุรกิจหรือไม่
2.เป็นผู้ใหญ่ต่องานหรือเป็นอาสาสมัครหรือไม่
3.เครือข่ายความสัมพันธ์ของเขากับบุคคลอื่นในองค์การดีหรือไม่
4.การวิเคราะห์ การบริหารงาน การติดต่อระหว่างบุคคล และความชำนาญในการแก้ปัญหาของเขาดีหรือไม่
5.เขาได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่หรือไม่
6.เข้ามีรูปแบบความเป็นผู้นำเฉพาะตัวหรือไม่
7.เขามีทัศนะอย่างไรต่อบทบาทที่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อให้งานสำเร็จ
ความคิดริเริ่มเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้บริหารระดับสูง(CEO) และพนักงานระดับสูง
แต่ผู้บริหารระดับสูงก็ยังคงต้องให้ความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้นและให้ความร่วมมือกับผู้บริหารระดับกลาง
และระดับล่างเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์
และดูว่ากิจกรรมที่สำคัญได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี และเป็นประจำหรือไม่ ผู้บริหารระดับกลางและระดับล่างไม่เพียงแต่รับผิดชอบการเริ่มต้น
และควบคุมดูแลกระบวนการปฏิบัติงานในขอบข่ายของตนตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น
แต่ยังคงต้องเป็นเครื่องมือที่จะให้ลูกน้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ในการใช้กลยุทธ์การวิเคราะห์กิจกรรมเครือข่ายการสร้างคุณค่า (Value chain) เพื่อสร้างและผลิตผลผลิตให้ออกมาอยู่แนวหน้า
ซึ่งจะทำให้ผลการปฏิบัติงานเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท ผู้บริหารระดับกลาง
และระดับล่างสามารถประสบความสำเร็จได้จากการบริหารกลยุทธ์พื้นฐานประจำวันที่มีประสิทธ์ภาพ
เช่น ความสามารถในการปฏิบัติการเป็นทีม
รายการกระทำของผู้ปฏิบัติการตามกลยุทธ์ระดับสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์การใหญ่ ๆ ที่มีหน่วยปฏิบัติการกระจายอยู่ตามเขตภูมิศาสตร์
ต้องอาศัยการสื่อสารในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง มีการสร้างการเห็นพ้องต้องกัน
สร้างความร่วมมืออย่างเข้มแข็งให้สามารถผลักดันหน่วยขององค์การที่สำคัญ
กระตุ้นและมอบอำนาจให้ลูกน้อง ทำกระบวนการให้มีการเคลื่อนไหว
สร้างกระบวนการวัดและกำหนดเวลา ให้การยอมรับและให้รางวัลผู้ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้ถึงขีดที่กำหนด
มีการพิจารณาการจัดสรรทรัพยากรใหม่
และเป็นประธานในกระบวนการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้วยตนเอง ดังนั้นยิ่งองค์การใหญ่มาก
ความสำเร็จในกลยุทธ์หลังของผู้ปฏิบัติการจะยิ่งมีมาก และขึ้นอยู่กับความร่วมมือ
ตลอดจนทักษะในการปฏิบัติการของผู้บริหารที่ดำเนินงานซึ่งจะสามารถผลักดันให้เกิดความต้องการเปลี่ยนแปลงในระดับล่างที่สุดขององค์การ
ในองค์การขนาดเล็ก ผู้ปฏิบัติการตามกลยุทธ์หลักไม่จำเป็นต้องทำงานผ่านผู้บริหารระดับกลาง
แต่สามารถติดต่อกับผู้บริหารสายงานและพนักงานได้โดยตรง ผู้ปฏิบัติการตามกลยุทธ์หลักสามารถแสดงขั้นตอนการกระทำและการปฏิบัติการตามลำดับด้วยตนเอง
ได้แก่ การสั่งเกตุว่าการปฏิบัติการมีความก้าวหน้าอย่างไร
ตัดสินใจว่าจะทำงานให้หนัก และเร็วเท่าไรในการผลักดันกระบวนการ
คุณลักษณะความเป็นผู้นำมีความสำคัญมากที่สุดคือ ต้องเข็มแข็ง มีความมั่นใจในลักษณะว่า
ไม่ว่าทำอะไรก็ตามจะต้องบรรลุผลสำเร็จตามต้องการ (What to do to achieve the desired results) การรู้ว่า อะไรที่ต้องทำ (what to do) จะต้องมาจากความเข้าใจอย่างแท้จริงในธุรกิจและสภาพขององค์การ
ซื้อในตอนต่อไปจะกล่าวถึงงานของการบริหารเพื่อสร้างองค์การให้มีความสามารถ