ผู้บริหารที่ต้องการประสบความสำเร็จในอนาคต จะต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาการบริหารเชิงกลยุทธ์ เพราะโลกในการบริหารธุรกิจมีความสลับซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งธุรกิจจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าผู้บริหารขาดความชำนาญในการกำหนดกลยุทธ์และการปฎิบัติตามกลยุทธ์จะทำให้ธุรกิจต่อสู้กับคู่แข่งขันไม่ได้ ดังนั้นผู้บริหารในระดับองค์การต่าง ๆ จึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการกำหนดกลยุทธ์ และกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ที่มีรูปแบบ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญตามหน้าที่ ก็จะต้องเข้าใจแนวความคิดการบริหารเชิงกลยุทธ์พื้นฐานด้วยเช่นกัน

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การประเมินความดึงดูดของแต่ละอุตสาหกรรมที่บริษัทจะมีการกระจายธุรกิจเข้าไป

การประเมินความดึงดูดของแต่ละอุตสาหกรรมที่บริษัทจะมีการกระจายธุรกิจเข้าไป (Evaluating the attractiveness of each industry the company has diversified into) มีลักษณะดังนี้
1. ขนาดของตลาดและอัตราการเจริญเติบโตที่พยากรณ์ (Market size and projected growth rate) อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมขนาดย่อม และอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตเร็วมีแนวโน้มที่จะมีความดึงดูดมากว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตช้า
2. ความเข็มข้นในการแข่งขัน (The intensity of competition) อุตสาหกรรมที่มีแรงกดดันด้านการแข่งขันต่ำ จะมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีแรงกดดันด้านการแข่งขันสูง
3.
การเกิดโอกาสและอุปสรรค (Emerging opportunities and threats) อุตสาหกรรมที่มีโอกาสมากและมีอุปสรรคน้อย จะมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีโอกาสปานกลาง และมีอุปสรรคมาก
4. ปัจจัยด้านฤดูกาลและวัฎจักรธุรกิจ (Seasonal and cyclical factors) อุตสาหกรรมที่มีความต้องการของผู้ซื้อคงที่ในรอบปี (Year round) ไม่ขึ้นกับการขึ้นลงของภาวะเศรษฐกิจ จะมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีความต้องการของผู้ซื้อที่ไม่คงที่
5.
ความต้องการการลงทุน และความต้องการทรัพยากรพิเศษอื่น (Capital requirement and other special resource requirements) อุตสาหกรรมที่ต้องการการลงทุนต่ำจะมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่ต้องการการลงทุนสูง และอุตสาหกรรมซึ่งไม่ต้องการเทคโนโลยีเฉพาะหรือขีดความสามารถที่ดีเลิศ จะมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีความต้องการทรัพยากรที่นอกเหนือจากขีดความสามารถของบริษัท
6.กลยุทธ์และทรัพยากรที่เหมาะสมในปัจจุบันของธุรกิจ (Strategic fits and resource fits with the firm’s present businesses) อุตสาหกรรมจะมีความดึงดูดมากกว่า ถ้าเครือข่ายการสร้างคุณค่า (Value chain) และความต้องการด้านทรัพยากรมีความสอดคล้องกันกับกิจกรรมเครือข่ายการสร้างคุณค่าของอุตสาหกรรมอื่น
7.ความสามารถในการหากำไรจากอุตสาหกรรม (Industry profitability) อุตสาหกรรมที่มีกำไรมาก และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูง โดยทั่วไปมักมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ หรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
8.ปัจจัยด้านสังคม การเมือง ข้อบังคับ และสภาพแวดล้อม (Social, political, regulatory and environmental, factors) อุตสาหกรรมซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ความปลอดภัยของผู้บริโภค มลภาวะจากสภาพแวดล้อม หรือความดึงเครียดจากข้อบังคับ จะมีความดึงดูดน้อยกว่าอุตสาหกรรมที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้
9.ระดับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน (Degree of risk and uncertainty) อุตสาหกรรมที่มีระดับความไม่แน่นอนน้อยและมีความเสี่ยงต่ำจะมีความดึงดูดมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีความไม่แน่นอนและธุรกิจที่ลมเหลว

ข้อมูลจาก

การบริหารเชิงกลยุทธ์และกรณีศึกษา
ร.ศ.ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ